
วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
อีริก เอช. อีริกสัน
ทฤษฏีพัฒนาการบุคลิกภาพของอีริคสัน (Erikson’s Theory of development)
อีริคสัน เอช อีริคสัน(Erikson H. Erikson) มีความคิดเป็นว่าพัฒนาการทางบุคลิกภาพเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต มิใช่สำคัญเฉพาะพฤติกรรมในช่วงแรกของชีวิตที่อยู่ใน Critical Period เท่านั้น ซึ่งพัฒนาการของมนุษย์มิได้เป็นไปเพื่อสนองความสุขความพึงพอใจทางด้านสรีระเท่านั้น แต่ยังจะต้องขึ้นอยู่กับสภาพทางจิต – สังคม ซึ่งหมายถึงลักษณะการอบรม เลี้ยงดู สัมพันธภาพระหว่าง พ่อ – แม่ ตลอดจนอิทธิพลของวัฒนธรรมในสังคมนั้นๆ ซึ่งเด็กจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม (Self – Concept) และความรู้สึกนี้เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทางบุคลิกภาพ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ติดต่อสืบเนื่องกันไปตลอดชีวิต
ในแต่ละขั้นตอนของพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่อีริคสันเสนอไว้มีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้ไม่ทางบวก ก็ทางลบ ซึ่งมี 8 ขั้นตอนด้วยกัน อีริคสันมีความเห็นว่าพัฒนาการทางบุคลิกภาพเกิดขึ้นได้เนื่องจากคนมีการติดต่อสัมพันธ์กับสังคม ดังนั้นจึงเน้นที่สัมพันธ์ภาพระหว่างบุคคลและสังคมในแต่ละขั้นของการพัฒนาจะมี “ช่วงวิกฤต” (Critical Period) สำหรับที่จะพัฒนาเรื่องนั้น ๆ ซึ่ง อีริคสันหมายถึงผู้ที่มีบุคลิกภาพจิตดี ซึ่งจะเป็นลักษณะของคนที่สามารถเผชิญปัญหาหรือแก้ปัญหาทั้งปัญหาที่เกิดจากภายในตนเองและปัญหาจากภายนอก ด้วยการที่สามารถจัดระบบระเบียบความคิดและสามารถตัดสินใจได้
ในทางตรงกันข้ามถ้าในช่วงชีวิตใด พัฒนาการเป็นไปในทางลบมากกว่า เด็กผู้นั้นจะมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้ที่มีปัญหาในการปรับตัว นอกจากนั้นยังอธิบายว่า ถ้าพัฒนาการของ ego ในตอนแรกเป็นไปด้วยดีก็จะไปช่วยพัฒนา ego ในขั้นที่ 2 ต่อไป แต่ถ้าพัฒนาการในขั้นแรกไม่ดี ขั้นที่ 2 อาจจะพัฒนาไปในทางดีได้ ถ้าได้รับประสบการณ์ที่เหมาะสมในช่วงนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามอีริคสันชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลที่แต่ละขั้นมีต่อกันโดยที่พัฒนาการในขั้นหลังจะได้รับอิทธิพลจากขั้นก่อนนั้น
ตารางเปรียบเทียบบุคลิกภาพตามทฤษฎีต่าง ๆ
Comparing Approaches to Personality

Comparing Approaches to Personality

จากทฤษฎีบุคลิกภาพทั้ง 10 ทฤษฎี นั้นจะนำไปใช้ในการประยุกต์ในการทำงาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง พัฒนาพนักงาน พัฒนาองค์การ ซึ่งแต่ละทฤษฎีก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ต่าง ๆ กัน แล้วแต่มุมมองการเลือกนำไปใช้
ฟรอยด์
ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (อังกฤษ: Sigmund Freud, IPA: [ˈziːkmʊnt ˈfrɔʏ̯t], 6 พ.ค. 2399—23 ก.ย. 2482) เป็นนายแพทย์ จิตแพทย์ และนักจิตวิทยาชาวออสเตรีย เป็นผู้ที่สร้างทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory) ซึ่งเป็นทฤษฎีทางด้านการพัฒนา Psychosexual โดยเชื่อว่าเพศหรือกามารมณ์ เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาของมนุษย์ แนวคิดดังกล่าวเกิดจากการสนใจศึกษา และสังเกตผู้ป่วยโรคประสาทด้วยการให้ผู้ป่วยนอนบนเก้าอี้นอนในอิริยาบถที่สบายที่สุด จากนั้นให้ผู้ป่วยเล่าเรื่องราวของตนเองไปเรื่อย ผู้รักษาจะนั่งอยู่ด้านศีรษะของผู้ป่วย คอยกระตุ้นให้ ผู้ป่วยได้พูดเล่าต่อไปเท่าที่จำได้ และคอยบันทึกสิ่งที่ผู้ป่วยเล่าอย่างละเอียด โดยไม่มีการขัดจังหวะ แสดงความคิดเห็น หรือตำหนิผู้ป่วย ซึ่งพบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้รักษาได้ข้อมูลที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของผู้ป่วย และจากการรักษาด้วยวิธีนี้เองจึงทำให้ฟรอยด์เป็นคนแรกที่สร้างทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ชีวประวัติของฟรอยด์มีจุดน่าสนใจไม่น้อย ในฐานะผู้ที่มีเชื้อสายยิว และผู้เสนอทฤษฏีที่ยังเป็นที่โต้แย้งถกเถียงกันมากในช่วงนั้น เขาจึงถูกเพ่งเล็งและวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลหลายกลุ่ม และเมื่อพรรคนาซีเยอรมันเรืองอำนาจขึ้นในเยอรมนีและในยุโรป รวมทั้งได้เข้ายึดครองออสเตรีย หนังสือตำราวิชาการที่เขาเป็นผู้แต่งก็ถูกทางการนาซีเยอรมันสั่งให้เผาทำลาย ในที่สุดตัวเขาเองก็ต้องอพยพหลบหนีนโยบายการไล่ล้างประหัตประหารชาวยิวของพรรคนาซีออกจากออสเตรียไปยังกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จนกระทั่งเสียชีวิตที่นั่น ในระยะสุดท้ายของชีวิต ฟรอยด์ทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งขากรรไกร และได้ร้องขอให้นายแพทย์ประจำตัวของเขากระทำ การุณยฆาต ให้ คือช่วยเหลือให้เขาสามารถฆ่าตัวตายเพื่อยุติความทรมาน ซึ่งหลังจากที่ได้มีการปรึกษาหารือกับแอนนา ฟรอยด์ บุตรสาวของเขา (ซึ่งได้กลายเป็นนักจิตวิทยาลือนามอีกผู้หนึ่ง และทำการศึกษาค้นคว้าทางจิตวิเคราะห์เจริญรอยตามบิดา) แล้ว นายแพทย์ประจำตัวของเขาก้ได้ยอมทำตามคำขอของเขาในที่สุด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)